บทที่ 12 ตั๋วเงิน
ตั๋วเงิน
ตั๋วเงินคือเอกสารที่คู่สัญญาใช้เป็นหลักฐานทางการเงิน
เป็นนิติกรรมสองฝ่ายขึ้นไป จัดเป็นสัญญาอย่างหนึ่งที่มีที่มาจากมูลหนี้เดิม
มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน (Reciprocal contract) บุคคลที่จะเข้าเป็นคู่สัญญาตั๋วเงินได้ต้องมีความสามารถตามมาตรา
๑๕๓ และต้องแสดงเจตนาเข้ามาเป็นคู่สัญญาในตั๋วเงินด้วยความสมัครใจตามมาตรา ๑๔๙
ปราศจากความสำคัญผิด กลฉ้อฉล หรือการข่มขู่ เช่นเดียวกับการทำสัญญาทั่วไป
ลักษณะสำคัญของตั๋วเงิน คือ
1.
เป็นเอกสารที่เป็นตราสาร กล่าวคือ
เป็นหนังสือสัญญาที่กฎหมายรับรองและคุ้มครองให้แก่ผู้ทรงตราสาร โดยมาตรา ๘๙๘
บัญญัติให้ตั๋วเงินมีสามประเภท ได้แก่ ตั๋วแลกเงิน, ตั๋วสัญญาใช้เงิน
และเช็ค ตราสารอื่นที่ไม่ใช่ตราสารทั้งสามประเภทนี้ไม่ใช่ตั๋วเงิน เช่น
เลตเตอร์ออฟเครดิต, ใบรับของในคลังสินค้า, ใบประทวนสินค้า, ใบหุ้น เอกสารเหล่านี้
แม้เป็นตราสารที่เปลี่ยนมือได้แต่ก็ไม่นับว่าเป็นตั๋วเงิน
2.
ตั๋วเงินต้องมีมูลหนี้การออกตั๋วเงินนั้นต้องเป็นการออกเพื่อชำระหนี้
ตั๋วเงินไม่ได้ก่อให้เกิดหนี้ในตัวเอง
ดังนั้นหากออกตั๋วเงินโดยไม่มีมูลหนี้ผู้ออกตั๋วไม่ต้องรับผิด เช่น
การออกตั๋วเงินเพื่อชำระหนี้การพนันอันหาก่อให้เกิดหนี้ไม่
ตั๋วเงินนั้นไม่อาจบังคับได้เพราะเป็นการออกตั๋วโดยไม่มีมูลหนี้
3.
คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจำนวนแน่นอน กล่าวคือ
ต้องมีลักษณะเป็นคำสั่ง ไม่เปิดโอกาสให้ผู้จ่ายใช้ดุลยพินิจในการจ่าย เช่น “กรุณาจ่ายเงินให้แก่นายดำ” เช่นนี้
ผู้จ่ายมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้แก่นายดำ แม้จะใช้คำว่า
โปรดหรือกรุณาก็เป็นเพียงการใช้คำสุภาพเท่านั้น
ตั๋วเงินแบ่งออกเป็นสามประเภท คือ ตั๋วแลกเงิน, ตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็ค
ตั๋วแลกเงิน มีลักษณะสำคัญดังนี้
มาตรา
908 อันว่าตั๋วแลกเงินนั้น คือหนังสือตราสาร
ซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่ายสั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จ่ายให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลคนหนึ่ง
หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าผู้รับเงิน จากบทบัญญัติมาตรา ๙๐๘
ตั๋วแลกเงินมีลักษณะ ดังนี้
1. เป็นเอกสารอันเป็นตราสาร มีบุคคลเกี่ยวข้องอยู่ ๓ ฝ่าย ได้แก่
1.1 ผู้สั่งจ่าย (Drawer) อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของผู้จ่ายตามมูลหนี้เดิมและอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ผู้รับเงิน
หรือผู้ถือตามมูลหนี้เดิมและมูลหนี้ในตั๋ว
1.2 ผู้จ่าย (Drawee) อยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ของผู้สั่งจ่ายตามมูลหนี้เดิม
1.3 ผู้รับเงิน (Payee) อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของผู้สั่งจ่ายตามมูลหนี้เดิมและปัจจุบันเป็นเจ้าหนี้ตามตั๋วแลกเงินฉบับนี้ด้วย
2.
ตั๋วแลกเงินต้องมีรายการดังต่อไปนี้
มาตรา 909
อันตั๋วแลกเงินนั้น ต้องมีรายการดั่งกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1)
คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงิน
(2)
คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจำนวนแน่นอน
(3)
ชื่อหรือยี่ห้อผู้จ่าย
(4)
วันถึงกำหนดใช้เงิน
(5)
สถานที่ใช้เงิน
(6)
ชื่อหรือยี่ห้อผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ
(7)
วันและสถานที่ออกตั๋วเงิน
(8)
ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย
ตั๋วสัญญาใช้เงิน มีลักษณะสำคัญดังนี้
มาตรา 982 อันว่าตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น
คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ออกตั๋ว ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง
หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับเงิน จากบทบัญญัติมาตรา ๙๘๒
ตั๋วสัญญาใช้เงินมีลักษณะ ดังนี้
1.
เป็นเอกสารอันเป็นตราสาร มีบุคคลเกี่ยวข้องอยู่ ๒ ฝ่าย ได้แก่
1.1 ผู้ออกตั๋ว
(Maker) อยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ผู้รับเงิน
1.2 ผู้รับเงิน
(Payee) อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ผู้ออกตั๋ว
โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นลูกหนี้และเจ้าหนี้ตามมูลหนี้เดิมและมูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น
ตั๋วสัญญาใช้เงินอาจถูกนำออกใช้ในกรณีผู้ออกตั๋วไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะชำระหนี้และไม่มีลูกหนี้ที่ตนจะสั่งชำระหนี้แทน
ดังนั้นตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่มีผู้จ่ายเนื่องจากผู้ออกตั๋วนั้นเองเป็นผู้จ่าย
2.
ตั๋วสัญญาใช้เงินต้องมีรายการดังต่อไปนี้
มาตรา 983
ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ต้องมีรายการดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1)
คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน
(2)
คำมั่นสัญญาอันปราศจากเงื่อนไขว่าจะใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน
(3)
วันถึงกำหนดใช้เงิน
(4)
สถานที่ใช้เงิน
(5)
ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน
(6)
วันและสถานที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
(7)
ลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น