บทที่ 11 สัญญาตัวแทนและนายหน้า
สัญญาตัวแทน
สัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่งเรียกว่า
ตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น
ลักษณะของสัญญาตัวแทน
1.
เป็นสัญญาที่มีบุคคลสองฝ่ายคือ ฝ่ายตัวการและฝ่ายตัวแทน
ข้อสังเกตุ
2.
ฝ่ายตัวการจะต้องเป็นผู้มีอำนาจหรือมีความสามารถในอันที่จะกระทำการตามที่ตนจะมอบหมายได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นถ้าหากผู้ใดไม่มีความสามารถที่จะกระทำการใดได้ด้วยตนเองแล้วผู้นั้นก็ไม่อาจตั้งตัวแทนได้
3.
ฝ่ายตัวแทนไม่จำต้องมีอำนาจหรือความสามารถแต่อย่างใด ดังนั้นผู้เยาว์ ควรไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ ความสามารถ ก็อาจเป็นตัวแทนได้
4.
ต้องมีการตกลงยินยอมทั้งฝ่ายตัวการและฝ่ายตัวแทน
วิธีการตั้งตัวแทน
1.
ถ้ากิจการที่จะปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่มีกฎหมายบังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือ
การตั้งตัวแทนก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 456
การเช่าซื้อตามมาตรา 572
2.
ถ้ากิจการที่จะปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่มีกฎหมายบัญญัติว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
การตั้งตัวแทนก็ต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกัน เช่น สัญญากู้ยืมเงินตามมาตรา 653
สัญญาจะซื้อจะขายตามมาตรา 456
3.
ถ้ากิจการที่จะปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าต้องทำอย่างไร
การตั้งตัวแทนจะทำวิธีใดก็ได้ จะเป็นการตั้งตัวแทนโดยแจ้งชัดหรือโดยปริยายก็ได้
ชนิดของตัวแทน
1.
ตัวแทนรับมอบอำนาจเฉพาะการ
2.
ตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไป
* ข้อสังเกตุ
มีกิจการบางอย่างที่ตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไปไม่มี อำนาจกระทำการแทนตัวการ
ก.
การขายหรือจำนองอสังหาริมทรัพย์
ข.
การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินกว่า 3 ปีขึ้นไป
ค.
ให้
ง.
ประนีประนอมยอมความ
จ.
ยื่นฟ้องคดีต่อศาล
ฉ.
การมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา
ความระงับของสัญญาตัวแทน
1.
โดยคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญากัน
2.
โดยตัวการถอดถอนตัวแทนหรือโดยตัวแทนบอกเลิกเป็นตัวแทน
3.
ตัวการหรือตัวแทนตาย ตกเป็นผู้ไร้ความสามารถหรือล้มละลาย
4.
เมื่อสิ้นกำหนดเวลากรณีสัญญาตัวแทนมีกำหนดเวลากันไว้แน่นอน
5.
เมื่อตัวแทนทำกิจการเสร็จแล้ว
6.
กรณีวัตถุประสงค์ของกิจการที่ให้ไปทำนั้นผิดกฎหมาย นายหน้าบุคคลซึ่งทำสัญญากับบุคคลอีกคนหนึ่งที่เรียกว่า
ตัวการตกลง ทำหน้าที่เป็นคนกลางหรือเป็นสื่อชี้ช่องให้ตัวการได้เข้าทำสัญญากับบุคคลภายนอก
ลักษณะของนายหน้า
1.
นายหน้าเป็นคนกลางหรือสื่อที่ช่วยชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคลอื่นเข้าไปทำสัญญากัน นายหน้าไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปกระทำการแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่มีอำนาจเข้าไปทำสัญญา
2.
นายหน้าเป็นสัญญาชนิดหนึ่ง แต่ไม่มีบทบังคับว่าจะต้องทำอย่างไร
ฉะนั้นนายหน้าจะตกลงกัน เป็นหนังสือหรือด้วยวาจาก็ได้
3.
เมื่อนายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการให้คู่สัญญาทำสัญญากันแล้วนายหน้าต้องได้รับบำเหน็จ
แม้ต่อมาภายหลังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะผิดสัญญาหรือเลิกสัญญาก็ตาม
4.
บุคคลผู้ไร้ความสามารถเป็นนายหน้าได้
เนื่องจากนายหน้าเป็นเพียงแต่ผู้ชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคลเข้าทำสัญญากัน
โดยนายหน้าไม่ได้เข้าทำสัญญาด้วยสิทธิ หน้าที่และความรับผิดของนายหน้า
สิทธิของนายหน้า
1.
มีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จ
2.
มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายที่เสียไป ถ้าตกลงให้เรียกค่าใช้จ่ายที่เสียไปไว้ล่วงหน้า
แม้ว่าสัญญาจะมิได้กระทำสำเร็จ
หน้าที่ของนายหน้า
ต้องทำหน้าที่เป็นคนกลางผู้ชี้ช่องหรือจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งให้บุคคลอื่นเข้าทำสัญญาต่อกันโดยสุจริต
ความรับผิดของนายหน้า
นายหน้าไม่มีอำนาจรับเงินหรือรับชำระหนี้แทนคู่สัญญา
บำเหน็จของนายหน้า
สัญญาในหน้านั้นตามปกติต้องถือว่ามีบำเหน็จ
แม้จะไม่มีข้อตกลงกันไว้ก็ต้องให้ตามธรรมเนียมคือร้อยละ 5
อายุความฟ้องเรียกค่านายหน้า
มีอายุความ 10 ปี
แหล่งที่มา : http://hakusai.50webs.com/BL/BL14_1.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น